ไพล หรือ ว่านไพล บรรเทาอาการอักเสบและอาการปวด และวิธีทำน้ำมันไพลแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน

ไพล หรือ ว่านไพล  บรรเทาอาการอักเสบและอาการปวด และวิธีทำน้ำมันไพลแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน

ไพล หรือ ว่านไพล  (Phlai , Cassumunar ginger , bongal root ) ชื่อวิทยาศาสตร์   Zingiber cassumunar   ชื่อท้องถิ่น  ปูขมิ้น,ว่านไพล,ไพลเหลือง, ว่านปอบ           นานมาแล้วเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก สมุนไพรที่คุ้นเคยและอยู่ในวิถีชิวิตคือไพลนี่แหละ ไม่ว่าจะมีอาการเคล็ดขัดยอก  ปวดประจำเดือน ผดผื่นคัน ฯลฯ ปู่ย่าก็จะเตรียมไพลมาปรุงยา ไพลเป็นพืชล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นเป็นกอ เป็นพืชลงหัว  มีเหง้าใหญ่ เนื้อในสีเหลือง  มีกลิ่นหอม ใบเรียวยาวปลายแหลม ออกดอกรวมกันเป็นช่ออยู่บนก้านช่อดอก  สามารถขยายพันธุ์โดยเหง้าหรือแง่งซึ่งเป็นส่วนสำคัญของลำต้นใต้ดิน เป็นท่อนพันธุ์ในการปลูก หรือจะใช้เมล็ดก็ได้ ชอบดินร่วนซุย ไม่ชอบน้ำขัง  ปลูกกลางแจ้งต้องการแสงแดด การเก็บเกี่ยว   ควรเก็บในช่วงที่พืชหยุดการเจริญเติบโต ใบและดอกร่วงหมดหรือเก็บในช่วงต้นฤดูหนาวถึงปลายฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่รากและหัวมีการสะสมปริมาณสาระสำคัญไว้ค่อนข้างสูง  ตอนเก็บใช้วิธีขุดอย่างระมัดระวัง ตัดรากฝอยออก เก็บเหง้าแก่เมื่ออายุประมาณ 2-3 ปี หลังจากปลูก ต้น :  เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 2-3 เมตร ทรงพุ่มกลม แตกกิ่งจำนวนมากทุกส่วนมียางสีขาวเหมือนน้ำนม กิ่งก้านมีหนามแหลม ปลายหนามมีสีแดง ยาวประมาณ 2 นิ้ว ใบ :  เดี่ยวเรียงตรงข้ามรูปไข่กลับ ปลายใบมนหรือเว้าเข้าเล็กน้อย โคนใบกลม ผิวใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ดอก :  ช่อสั้นๆ ที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาว…

Read More

ไหน หรือ พลัม (Plum)

ไหน หรือ พลัม  (Plum)

ไหน หรือ พลัม  (Plum) ชื่อวิทยาศาสตร์   Prunus domestica L. จัดอยู่ในวงศ์  ROSACEAE ในตระกูลพรุน เช่นเดียวกับลูกท้อ บ๊วย เชอรี่ อัลมอนด์ และนางพญาเสือโคร่ง และมีถิ่นกำเนิดจากบริเวณคอเคซัสในเอเชียตะวันตก ชื่อท้องถิ่น  เชอรี่ดอย ลูกไหนคือชื่อที่คนทั่วไปเรียก บางแห่งเรียกลูกพรุน(ลูกพลัมตากแห้ง) บางแห่งเรียกลูกพลัม ลักษณะทางพฤกษศาสตร์   ต้น :  พลัมเป็นผลไม้ยืนต้น  มีลักษณะทรงต้นค่อนข้างเล็กเช่นเดียวกับต้นพืช  การปลูกในประเทศไทยต้องปลูกในที่ที่มีความหนาวเย็น และพื้นที่ที่จะปลูกจะต้องมีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,000 เมตรขึ้นไป ใบ :  ปลายและโคนใบแหลม แผ่นใบสีเขียว ขอบใบเป็นจักคล้ายฟันเลื่อยแบบถี่ๆ ดอกพลัม : ดอกมีขนาดเล็กและมีสีขาว  ดอกเป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศ ปกติแล้วจะผสมตัวเองไม่ได้  แต่จะต้องผสมข้ามสายพันธ์และเฉพาะเจาะจงพันธุ์เท่านั้น และจะออกดอกในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากได้รับความหนาวเพียงพอ   ผลและเมล็ด : ผลมีความหลากหลายทั้งในเรื่องของขนาด  สีของผล  และเนื้อของผล  ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่เพาะปลูก  บางพันธุ์ผลอาจมีร่องยาวด้านข้าง  เมื่อผลโตเต็มที่จะมีสีขาวปกคลุมอยู่ ซึ่งเรียกว่า Wax bloom เนี้อมีรสหวานหรือหวานอมเปรี้ยว ด้านในผลมีเมล็ดแข็งอยู่ 1 เมล็ด การขยายพันธุ์    ขยายพันธุ์โดยเพาะเมล็ด , กิ่งปักชำ , เสียบยอด ประโยชน์ของลูกไหน   แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกพลัมชนิดที่ใช้รับประทานกันแบบสดๆ (ลูกพรุนสด) เหมือนผลไม้ทั่วไป ได้แก่…

Read More

มะม่วงหาวมะนาวโห่ (Karonda Fruit)

มะม่วงหาวมะนาวโห่  (Karonda  Fruit)

มะม่วงหาวมะนาวโห่  (Karonda  Fruit) ชื่อวิทยาศาสตร์   Carissa carandas L ชื่อท้องถิ่น  (ภาคกลาง) มะม่วงไม่รู้หาวมะนาวไม่รู้โห่  หนามแดง  มะนาวไม่รู้โห่ (ภาคเหนือ) หนามขี้แฮด (ภาคใต้) มะนาวโห่ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์   ต้น :  เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 2-3 เมตร ทรงพุ่มกลม แตกกิ่งจำนวนมากทุกส่วนมียางสีขาวเหมือนน้ำนม กิ่งก้านมีหนามแหลม ปลายหนามมีสีแดง ยาวประมาณ 2 นิ้ว ใบ :  เดี่ยวเรียงตรงข้ามรูปไข่กลับ ปลายใบมนหรือเว้าเข้าเล็กน้อย โคนใบกลม ผิวใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ดอก :  ช่อสั้นๆ ที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาว มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีขาวอมชมพู ยาวประมาณ 4-8 ซม. มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ตลอดวัน ออกดอกทั้งปี  ผลและเมล็ด : เป็นผลเดี่ยวออกรวมกันเป็นช่อ ผลรูปกลมรี มนรี และรูปใข่ ขนาดผลประมาณ 1-1.5 ซม. ผลอ่อนมีสีขาวอมชมพู แล้วจะค่อยๆ เข้มขึ้นเป็นสีแดง กระทั่งสุกจึงกลายเป็นสีดำ เนื้อผลจะกรอบแม้เมื่อสุกแล้ว ภายในตรงกลางผลจะมีเมล็ดแทรกรวมกันอยู่ 4-6 เมล็ด เมล็ดมีรูปร่างแบน มีเปลือกหุ้มเมล็ดสีน้ำตาล การขยายพันธุ์     นิยมขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด หลังแยกเมล็ดออกจากผลแล้วควรเพาะเมล็ดทันที เพาะไว้ในโรงเรือนช่วงเดือนสิงหาคม และทำการย้ายลงปลูกเมื่อต้นกล้าอายุได้…

Read More

กระชาย (Finger root) สรรพคุณสมกับที่เป็นราชาแห่งสมุนไพรไทย

กระชาย (Finger root) สรรพคุณสมกับที่เป็นราชาแห่งสมุนไพรไทย

กระชาย (Finger root) ชื่อวิทยาศาสตร์   Boesenbergia rotunda(L.) Mansf. ชื่อท้องถิ่น  กะแอน  ละแอน (ภาคเหนือ)  ว่านพระอาทิตย์ (กรุงเทพฯ)  ขิงทราย (อิสาน) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์    กระชายเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้  กระชายเป็นไม้ล้มลุก สูงราว 1-2 ศอก  มีลำต้นใต้ดินเรียกเหง้า มีราก ทรงกระบอกปลายแหลมจำนวนมากรวมติดอยู่ที่เหง้าเป็นกระจุก เนื้อในรากละเอียด มีสีเหลือง  มีกลิ่นเฉพาะ  กาบใบสีแดงเรื่อ ใบใหญ่ยาวรีปลายแหลม  ดอกเป็นช่อ  สีขาวอมชมพู  การขยายพันธุ์     ขยายพันธุ์โดยใช้เหง้า  กระชายชอบดินร่วนปนทรายไม่ชอบดินแฉะ  ต้องการแค่ปริมาณน้ำฝนตามธรรมชาติ  ฤดูที่เหมาะกับการปลูกคือปลายฤดูแล้ง กระชายเป็นพืชสมุนไพรที่นิยมปลูกตามบ้านเรือนทั่วไป ส่วนที่นำมาใช้  ในประเทศไทยใช้เหง้าใต้ดินและรากมาปรุงเป็นอาหาร และยา  มีอยู่ 3 ชนิดคือ กระชาย (เหลือง)  กระชายแดง และ กระชายดำ  กระชายดำและกระชายแดงเป็นพืชจำพวก species เดียวกันแต่เป็นพืชต่างชนิดกันและมีฤทธิ์ทางยาต่างกันเล็กน้อยคือกระชายแดงจะมีกาบสีแดงเข้มกว่าระชายเหลือง  ส่วนกระชายดำเป็นพืชวงศ์ขิงเช่นกันแต่อยู่ในตระกูลเปราะหอม และนำไปใช้ประกอบอาหารช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ ,ช่วยไล่แมลงโดยใช้ ข่า ตะไคร้ หอมแดง ใบสะเดาแก่ นำมาตำรวมกันผสมกับน้ำฉีดพ่นบริเวณที่มีแมลงรบกวน, ในประเทศจีนมีรายงานการใช้กระชายเป็นยา  ในประเทศเวียดนามใช้กระชายในการปรุงอาหาร    คุณประโยชน์มากมายยกมาบางส่วน สรรพคุณสมกับที่เป็นราชาแห่งสมุนไพรไทย ช่วยบำรุงร่างกายเป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย กระชายเหลืองสรรพคุณช่วยแก้ลมวิงเวียนแน่นหน้าอก ช่วยบำรุงกำลัง ช่วยบำรุงกระดูกช่วยทำให้กระดูกไม่เปราะบาง ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย ช่วยบำรุงสมองเพราะช่วยทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนกลางได้ดีมากขึ้น ช่วยปรับสมดุลของความดันโลหิตในร่างกาย ช่วยลดความดันโลหิตเมื่อความดันโลหิตสูง และเมื่อความดันโลหิตต่ำก็จะช่วยทำให้ความดันเพิ่มขึ้นจนเป็นปกติ ช่วยอาการท้องร่วงท้องเดิน…

Read More

บอระเพ็ด สมุนไพรที่มีสรรพคุณดีๆอยู่มากมาย ลดไข้ ลดความอ้วน บำรุงกำลัง ยาอายุวัฒนะ

บอระเพ็ด สมุนไพรที่มีสรรพคุณดีๆอยู่มากมาย ลดไข้ ลดความอ้วน บำรุงกำลัง ยาอายุวัฒนะ

บอระเพ็ด  ชื่อสามัญ   Heart Leaved moonseed ชื่อวิทยาศาสตร์    Tinospora crispa (L.) Miers ex Hook.f.&Thoms. ชื่อเรียกอื่น       ภาคกลางและสระบุรีเรียกว่าเถาหัวด้วน  ภาคเหนือเรียกว่าหางหนู และจุ่มจะลิง ภาคอีสาน-หนองคายเรียกว่าเจตมูลหนาม และอุดรธานีเรียกว่าเครือกอฮอร์ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์      บอระเพ็ด เป็นพืชไม้เลื้อย มีปุ่มรอบๆสีดำ มีรสชาติขม                  หากพูดถึงสมุนไพรที่แค่ได้ยินชื่อก็ขมแล้ว ก็คือ บอระเพ็ด ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณดีๆอยู่มากมาย  สรุปพอเป็นสังเขปได้ดังนี้ (ใบ)    มีสารต้านอนุมูลอิสระมีส่วนช่วยในการชะลอวัย  ช่วยให้เจริญอาหาร (เถาสด)  ทุกส่วน   มีสารลดความดันโลหิต  โลหิตคลั่งในสมอง (ราก,ต้น)    แก้อาการร้อนใน   สามารถถอนพิษไข้ได้ (เถา,ต้น)    ช่วยดับพิษร้อนในร่างกายช่วยขับเหงื่อ  แก้รำมะนาด (ต้น,ผล)   แก้โรคกระเพาะอาหาร (ทุกส่วน)   รักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ  (เถา)          ช่วยขับพยาธิ  ช่วยฆ่าพยาธิในท้อง  ในฟัน  และในหู (ดอก)        แก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย  วิธีแปรรูปมารับประทาน            1.นำเถาบอระเพ็ดมาหั่นเป็นแว่นๆบางๆแล้วตากแห้ง จากนั้นนำมาบดผสมกับน้ำผึ้ง จากนั้นปั้นเป็นลูกกร  รับประทาวันละ 3-5 เม็ด และอีกวิธีที่ง่ายกว่าก็คือ ใช้บอระเพ็ดที่ตากแห้งแล้วบดใส่แคปซูลทานก่อนอาหารเช้าและเย็น เพียงใช้เถาแก่สดๆ ตำให้ละเอียดและคั้นใช้แต่น้ำ หรือจะนำไปต้มกับน้ำโดยใช้น้ำ 3 ส่วนค่ะ ต้มไปเรื่อยๆจนเหลือน้ำเพียงแค่ 1…

Read More

จิงจู่ฉ่าย เป็นยาเย็น ช่วยบำรุงปอด บำรุงเลือดลม ปรับสมดุลความดันโลหิต บำรุงปอด ฆ่าเชื้อไวรัส ต้านเซลล์มะเร็ง

จิงจู่ฉ่าย    เป็นยาเย็น  ช่วยบำรุงปอด บำรุงเลือดลม  ปรับสมดุลความดันโลหิต  บำรุงปอด  ฆ่าเชื้อไวรัส ต้านเซลล์มะเร็ง

ชื่อสามัญ               White Mugwort ชื่อวิทยาศาสตร์     Artemisia  lactiflora Wall ชื่อเรียกอื่น             โกศจุฬาลัมพา  , เซเลอรี่ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์     เป็นพืชล้มลุก  กอคล้ายๆ ใบบัวบก  หรือไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 0.5 – 1 ฟุต รากหรือเหง้าใหญ่กระจายกว้าง  แตกกิ่งก้านหนาแน่นแผ่กว้างคลุมดินคล้ายกับต้นบัวบก  ใบรูปรีขอบจักเป็น 5 แฉก  ทรงใบเหมือนใบขึ้นฉ่าย เนื้อใบหนา มีกลิ่นหอม  รสขมเล็กน้อย  ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดปลูกขึ้นได้ในดินทั่วไป สามารถปลูกลงดินกลางแจ้งและปลูกลงกระถางตั้งในที่มี  แสงแดดส่องถึงตลอดวัน  โดยสามารถแยกกิ่งที่แก่ หรือรากไปปักชำได้อีกด้วย   นับเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์และเหมาะกับการปลูกไว้ติดบ้านอย่างยิ่ง                  จิงจูฉ่าย   เป็นผักที่ชาวจีนนิยมปลูกเพื่อนำไปปรุงเป็นอาหารรับประทานกันอย่างแพร่หลาย  ส่วนใหญ่จะเอายอดอ่อน หรือทั้งต้นนำมาทำต้มเลือดหมูกินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยมาก  ซึ่งแพทย์จีนเชื่อว่า จิงจูฉ่าย  เป็นยาเย็น (หยิน)  เมื่อกินแล้วจะช่วยแก้ไขได้  บำรุงปอด ฟอกเลือด  ทำให้เลือดไหลเวียนดี  ต้นและใบมีน้ำมันหอมระเหยประกอบด้วย  ไลโมนีน, ซิลีนีน และสารไกลโคไซด์ ชื่อ อะพิอิน มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิต ทำให้เส้นเลือดขยายตัว ช่วยขับลมในกระเพาะอาหารลำไส้…

Read More

หนานเฉาเหว่ย เป็นยาช่วยลดน้ำตาลในเลือดหรือโรคเบาหวาน โรคเก๊าต์ ลดความดันโลหิตสูง แก้อาการปวดเมื่อยเพราะทำงานหนัก

หนานเฉาเหว่ย  เป็นยาช่วยลดน้ำตาลในเลือดหรือโรคเบาหวาน โรคเก๊าต์ ลดความดันโลหิตสูง  แก้อาการปวดเมื่อยเพราะทำงานหนัก

หนานเฉาเหว่ย ชื่อเรียกอื่น             หนานเฝยเฉ่า ถิ่นกำเนิด               ประเทศจีน การขยายพันธุ์       ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด   ตอนกิ่ง  ปักชำกิ่ง  ขึ้นง่ายมาก หนานเฉาเหว่ย  มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน  ไม่ทราบที่มาว่าใครเป็นคนนำเข้ามา  ถูกนำมาขยายพันธุ์ในประเทศไทยหลายปีแล้ว    “ใบสดของหนานเฉาเหว่ย”   มีรสขมจัด  แต่เมื่อเคี้ยวและกลืนสักครู่จะมีรสหวานในปากและคอ เป็นพืชล้มลุกมีใบเลี้ยงคู่  เป็นไม้ยืนต้น สูง 6-8 เมตร  เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับรูปรี ปลายแหลมโค้นเกือบมน ใบอ่อนและใบแก่มีรสขมจัด  ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก  มีสีขาว  ส่วนผล ทรงกลม  มีเมล็ดและดอกออกเรื่อยๆ ประโยชน์ทางยา  ใบสดหนานเฉาเหว่ย ตามตำราจีนระบุว่า เป็นยาช่วยลดน้ำตาลในเลือดหรือโรคเบาหวาน โรคเก๊าต์ ลดความดันโลหิตสูง  ให้นำใบสด 5-7 ใบ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร  ต้มด้วยไฟปานกลาง 15-20  นาที   แล้วดื่มขณะอุ่นครั้งละ 1 ถ้วยกาแฟ  หรือครึ่งแก้วน้ำดื่ม   วันละ 2 เวลา  ก่อนอาหารเช้า-เย็น  ประมาณ 1 สัปดาห์  อาการที่เป็นจะดีขึ้น หลังจากนั้นดื่มบ้างหยุดบ้างเพื่อควบคุมอาการไว้ ไม่จำเป็นต้องกินติดต่อกันเป็นประจำ เพราะหากน้ำตาลในเลือดลดมากเกินไปจะมีอาการวูบได้   ไม่แนะนำให้รับประทานต่อเนื่องนานๆ  แต่ควรมีช่วงหยุดพักยาบ้าง   เนื่องจากไม่มีข้อมูลความปลอดภัยในระยะยาว  เช่น กินวันเว้นวัน หรือ  10  วัน  เว้นพัก  3  วัน รักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อ…

Read More

ฝาง สมุนไพรบำรุงโลหิต แก้ร้อนใน กระหายน้ำ

ฝาง สมุนไพรบำรุงโลหิต แก้ร้อนใน กระหายน้ำ

ฝาง ชื่อวิทยาศาสตร์                     Caesalpinia  sappan L. ชื่อวงศ์                                    Legumiosae ชื่ออื่นๆ                                   ฝางส้ม   ฝางเสน   หนามโค้ง   ขวาง  ง้าย ลักษณะทางพฤษศาสตร์     เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง  สูงประมาณ 5 – 13 เมตร  เป็นไม้ผลัดใบไม้พุ่มกึ่งไม้เถา  แก่นและเนื้อไม้แบ่งออกเป็น    ถ้าแก่นและเนื้อไม้มีสีแดงเข้ม  รสขมหวาน เรียกว่า “ฝางเสน” และถ้าแก่นมีสีเหลืองส้ม รสฝาดขื่น จะเรียกว่า “ฝางส้ม” ใบ    ลักษณะใบประกอบแบบขนนกสองชั้นเรียงสลับกัน   แกนช่อยาว 8-20 มม. ช่อใบย่อย 8-15 คู่ แต่ละช่อใบ มีใบย่อย 5-18 คู่ แผ่นใบบางคล้ายกระดาษ เกลี้ยงหรือมีขนประปรายทั้งสองด้าน  หูใบยาว 3-4 มม. ผล    เป็นฝักรูปขอบขนาน  แกนรูปใข่กลับ แบนแข็งเป็นจะงอยแหลม มีสีน้ำตาลเข้ม กว้าง 3-4 ซม.  ยาว 5-8.5 ซม. สรรพคุณ   ตำรายาไทย เนื้อไม้ เป็นยาขับระดูอย่างแรง แก้ท้องร่วง แก้ธาตุพิการ แก้ร้อนใน แก้โลหิตออกทางทวารหนักและทวารเบา แก้โลหิตตกหนัก เป็นยาขับเสมหะ เนื้อไม้จะเป็นส่วนผสมหลักในยาหลังคลอดบุตร ผสมกับปูนขาว นำมาบดทาหน้าผากหลังคลอดบุตรช่วยให้เย็นศีรษะ และลดอาการเจ็บปวด แก่น       …

Read More

ว่านหางจระเข้ สมุนไพรไทยที่ได้ชื่อว่ามีประโยชน์อยู่มากมายมหาศาล

ว่านหางจระเข้ สมุนไพรไทยที่ได้ชื่อว่ามีประโยชน์อยู่มากมายมหาศาล

ว่านหางจระเข้ ชื่อภาษาอังกฤษ    Aloe (อะโล) ,Aloe Vera, Aloin, Barbados, Jafferabad, Star Cactus ชื่อวิทยาศาสตร์    Aloe vera (L.) Burm.f. ชื่ออื่น   ว่านไฟไหม้ (ภาคเหนือ) , หางตะเข้ (ภาคกลาง)    ว่านหางจระเข้ สมุนไพรไทยที่ได้ชื่อว่ามีประโยชน์อยู่มากมายมหาศาลเลยทีเดียว ว่านหางจระเข้นั้นเป็นไม้ล้มลุกซึ่งมีอายุยาวนานหลายปี มีความสูงประมาณ 50 ซม. ถึง 1 ม. ลักษณะเป็นข้อปล้องสั้นๆ เป็นใบเดี่ยว เป็นพืชอวบน้ำ มีสีเขียวอ่อนและสีเขียวเข้ม ภายในนั้นจะมีวุ้นสีขาวๆ มียางสีเหลือง ดอกของว่านหางจระเข้จะออกเป็นช่อบริเวณกลางต้น สรรพคุณของว่านหางจระเข้ของใบหน้า สามารถช่วยลบเลือนรอยสิวได้ โดยวุ้นจากว่านหางจระเข้เมื่อนำมาทาแล้วจะช่วยลดความมันบนใบหน้าได้และยังลดรอยแผลที่เกิดจากสิว สามารถรักษาการอักเสบต่างจากสิว และยังทำให้สิวแห้ง วิธีก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่นำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกล้างน้ำให้สะอาดจนยางหมด ใช้เพียงเฉพาะวุ้นและนำวุ้นมาทาบางๆทุกเช้าและก่อนนอนวันละ 2 ครั้ง  หลังจากนั้นทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด  อาจจะต้องใช้เวลานาน แต่ควรพยายามทำให้ได้ทุกวันติดต่อกันจะทำให้ผิวสดขึ้น รวมทั้งช่วยลดริ้วรอย จุดด่างดำ ค่อยๆ จางหายไป ผิวหน้ามีน้ำมีนวลขึ้น สรรพคุณของว่านหางจระเข้ช่วยบำรุงหนังศีรษะและผม ว่านหางจระเข้ช่วยลดความมันของเส้นผม ป้องกันผมร่วง ทำให้ผมไม่หงอกเร็ว  ช่วยบำรุงต่อมที่รากผมให้มีสุขภาพดีผมดกดำเป็นเงางาม และยังช่วยรักษาแผลบนหนังศีรษะอีกด้วย  เพียงแค่ปอกเปลือกว่านหางจระเข้ใช้เพียงวุ้นจากใบสดนำมาบดประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นให้นำมาขยี้ชโลมบนเส้นผมให้ทั่ว และทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีและล้างออก สรรพคุณทางยา  ใช้น้ำยางสีเหลืองขากใบ นำมาเคี่ยวจนแห้งจะเรียกว่า ยาดำ  รับประทานช่วยเป็นยาระบาย สำหรับวุ้นหากนำมาปิดที่ขมับจะช่วยแก้ปวดศีรษะได้ และยังใช้สำหรับแผลที่โดนไฟไหม้ น้ำร้อนลวก รอยไหมจากแสงแดด…

Read More

มะกรูดถือได้ว่าเป็นสมุนไพรใกล้ตัวมีประโยชน์อยู่มากมายตั้งแต่ใบ ผล

มะกรูดถือได้ว่าเป็นสมุนไพรใกล้ตัวมีประโยชน์อยู่มากมายตั้งแต่ใบ ผล

มะกรูด ชื่อภาษาอังกฤษ   Kaffir lime,Leech lime, Mauritius papeda ชื่อวิทยาศาสตร์   Citrus x hystrix L. ชื่ออื่นๆ    มะขูด มะขุน (ภาคเหนือ) ,บักกรูด (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ),ส้มกรูด ส้มมั่วผี (ภาคใต้) ลักษณะ   เป็นพืชที่จัดอยู่ในตระกูล ส้ม (Citrus)                          มะกรูดถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด และในหลายๆบ้านจะนิยมปลูกมะกรูดไว้ เนื่องจากมะกรูดนั้นมีประโยชน์อยู่มากมายตั้งแต่ใบ ผล และยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย นอกจากชื่อมะกรูดแล้วยังมีชื่ออื่นๆอีกว่า ส้มกรูดหรือมะขุนซึ่งจะเรียกแตกต่างกันออกไป                   มะกรูดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กมีหนาม กิ่งและใบมีสีเขียว ภายในมีต่อมน้ำมันมีกลิ่นหอม มะกรูดมีดอกสีขาว ผลสีเขียว ผลขรุขระ เมื่อสุกจะเป็นสีเหลือง มะกรูดมีสรรพคุณมากมายน้ำมะกรูดสามารถช่วยรักษาชันนะตุ และรักษารังแคได้ เพียงใช้น้ำคั้นมะกรูดสระผมอย่างเป็นประจำนอกจากจะช่วยรักษาได้แล้วยังทำให้ผมแข็งแรง ผมหนาดกดำ แต่จะต้องใช้มะกรูดไม่สุก อีกสิ่งหนึ่งที่มะกรูดช่วยได้ก็คือสุวคนธบำบัด มะกรูดมีน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกผลสดสามารถนำมาใช้แต่งกลิ่นของสบู่และยาสระผมได้ เมื่อดมน้ำมันหอมระเหยของมะกรูดจะช่วยลดอาการซึมเศร้า นอกจากนี้แล้วมะกรูดยังเป็นยาบำรุงหัวใจ แก้เสมหะ ขับลมในลำไส้ เพียงฝานเอาผิวมะกรูดที่สุกเป็นชิ้นเล็กๆ ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นเติมพิมเสนหรือการบูร 1 หยิบมือ ผสมกับน้ำเดือดจากนั้นแช่ทิ้งไว้และดื่มแต่น้ำ รับประทานครั้งละ 1-2 ครั้ง หรือจะรับประทานวันละ 2-3 ครั้ง/วันก็ได้ มะกรูดเป็นสมุนไพรที่หาง่าย และมีราคาไม่แพงนอกจากจะทำให้ผมดกดำเงางามแข็งแรงแล้ว ยังมีส่วนช่วยในเรื่องอื่นๆอีกมากมาย ได้ชื่อว่าเป็นสมุนไพรอย่างไรเสียก็มีผลดีต่อร่างกายเนื่องจากเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ  ส่วนที่นำมาใช้ คือ ราก ใบ ผล ผิวจากผล ราก  :  ช่วยแก้ฝีภายใน  แก้เสมหะเป็นพิษ ช่วยกระทุ้งพิษ ใบมะกรูด…

Read More
1 2